อยากสร้างโกดัง ต้องรู้ก่อน! พื้นที่สีอะไรสร้างได้บ้าง?
กำลังมองหาพื้นที่สำหรับสร้างโกดังเก็บสินค้า แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่สีไหนสร้างได้บ้าง? บทความนี้มีคำตอบให้!
ในประเทศไทย การแบ่งพื้นที่ตาม ผังเมืองรวม ของแต่ละจังหวัด จะกำหนดสีของพื้นที่ไว้เพื่อบ่งบอกวัตถุประสงค์การใช้งาน พื้นที่สี ที่สามารถสร้างโกดังได้โดยทั่วไป คือ:
1. เขตพื้นที่สีม่วง
เขตพื้นที่สีม่วงนี้ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการสร้างคลังสินค้าและโกดังมากที่สุด เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ให้ประโยชน์ส่วนใหญ่ เพื่อการอุตสาหกรรมและเก็บสินค้า คลังสินค้า ใครที่จะสร้างโกดัง โรงงาน นี่คือโซนที่ เราสามารถก่อสร้างได้ทุกกรณีโดยไม่มีข้อแม้ นะครับ เหมาะสำหรับ ภาคธุรกิจที่สุด กรณีใช้ประโยชน์อื่นในพื้นที่ ต้องไม่เกิน 20% ของประเภทที่ดินนี้
และที่ดินนี้มีการสนับสนุนประเภทย่อย ตามข้อแม้บางประการของกฎหมาย คือ การทำสุสาน โรงแรม โรงมหรสพ ที่ดินจัดสรรเพื่ออยู่อาศัย ห้องพัก หรืออาคารชุด เว้นแต่จะเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน สถานรับเลี้ยงเด็ก คนชรา และ สถาบันการศึกษา
2. เขตพื้นที่สีส้ม
เขตพื้นที่สีส้มนี้ เป็นพื้นที่สามารถขออนุญาติอาคารเป็นเชิงพาณิชยกรรมได้ แต่ไม่ได้อนุญาติให้ก่อสร้างเป็นคลังสินค้าโกดังได้โดยตรง ฉะนั้นการขออนุญาติก่อสร้างอาคารจึงต้องใช้กฏหมายพาณิชยกรรมเข้ามาประกอบการพิจารณา โดยเมื่อใช้กฏหมายของพาณิชยกรรมแล้ว อาจจะทำให้พื้นที่น้อยลง และมีจำนวนห้องน้ำมากขึ้นตามกฏหมายพาณิชยกรรมกำหนด โดยพื้นที่สามารถอนุญาติในพื้นที่สีส้ม ย.5-ย.6-ย.7 จะอยู่ที่ 5,000-10,000 ตารางเมตร*** (ตามเงื่อนไขท้ายตารางกำหนด)
3. เขตพื้นที่สีแดง
เขตพื้นที่สีนี้ เป็นเขตประเภทพาณิชยกรรม ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก สามารถใช้ทำประโยชน์เพื่อ การพาณิชกรรม เพื่อการอยู่อาศัยได้ และเช่นเดียวกับเขตพื้นที่สีอื่นๆ จะไม่ได้อนุญาติให้ก่อสร้างโกดังและโรงงานโดยตรง แต่หากจะทำการขออนุญาติ ต้องใช้กฏหมายการออกแบบอาคารและการใช้สอยเป็นพาณิชยกรรมแทน และทำให้สามารถขออนุญาติได้ที่ 10,000 ตารางเมตร *** (ตามเงื่อนไขท้ายตารางกำหนด)
4. เขตพื้นที่สีเหลือง
พื้นที่สีเหลือง ย.๑- ย.๕ หรือ เขตพื้นที่อยู่อาศัยความหนาแน่นน้อย เขตพื้นที่นี้เป็นเขตที่สนับสนุนให้พัฒนา อาคารสงเคราะห์/รับเลี้ยงสัตว์, สถานศึกษาต่ำกว่าระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา, สถานพยาบาล, สถานสงเคราะห์/รับเลี้ยงเด็ก, สถานสงเคราะห์/รับเลี้ยงคนชรา, สถานสงเคราะห์/รับเลี้ยงผู้พิการ และยังสามารถสร้าง ที่อยู่อาศัย , อาคารพาณิชยกรรม , สำนักงาน, โรงแรม และ ตลาดได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่น
- ข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมอาคาร: กฎหมายควบคุมอาคารกำหนดขนาด รูปแบบ และความสูงของอาคารที่สามารถสร้างได้ในแต่ละพื้นที่
- ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม: โกดังอาจต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือใบอนุญาตประกอบกิจการที่เกี่ยวข้อง
- การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน: โกดังควรตั้งอยู่ในพื้นที่มีการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ทางหลวง ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ
สำหรับพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา อาจจะสร้างโกดังได้ แต่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติม หรืออาจจะไม่สามารถสร้างได้ ขึ้นอยู่กับ ผังเมืองรวม ของแต่ละจังหวัด
สรุป พื้นที่ที่สามารถสร้างโกดังได้โดยทั่วไป คือ เขตพื้นที่สีม่วง เขตพื้นที่สีแดง และเขตพื้นที่สีส้ม แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ควรศึกษาข้อมูลจาก ผังเมืองรวม ของแต่ละจังหวัด หรือติดต่อ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ของจังหวัดที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นน่าสนใจอื่นๆ เกี่ยวกับการสร้างโกดัง ดังนี้
- ประเภทของโกดัง: โกดังมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าที่เก็บ
- ขนาดของโกดัง: ขนาดของโกดังขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่เก็บ
- งบประมาณการสร้าง: งบประมาณการสร้างโกดังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาด วัสดุ กรรมวิธีการก่อสร้าง
- การออกแบบโกดัง: การออกแบบโกดังควรคำนึงถึงความปลอดภัย การใช้งาน และประสิทธิภาพการจัดเก็บสินค้า
หากกำลังวางแผนสร้างโกดัง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อให้การสร้างโกดังราบรื่นและประสบความสำเร็จ
[breadcrumb]